วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2556



จริงๆ ว่าจะไม่เขียนอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว แต่ว่าสุดท้ายก็อดไม่ได้ เพราะมีคนถามกันเข้ามาเยอะ ดังนั้นเลยต้องขอมาเขียนบล็อกซักตอน ที่เอาสเปกของทั้ง 3 รุ่นนี้มาเปรียบเทียบกันซักหน่อย แต่ขอออกตัวล้อฟรีก่อนนะค่ะว่า อันนี้เป็นแค่การเปรียบเทียบสเปกให้ดูกันเฉยๆ ส่วนอันไหนดีกว่าอันไหนนั้น แนะนำว่าให้พินิจพิเคราะห์กันเอาเอง โดยผมจะขอแอบวิพากษ์เล็กๆ น้อยๆ เมื่อเป็นน้ำจิ้ม สำหรับคนที่อ่านสเปกแล้วมึนตึ้บ (แต่ไม่ได้บอกให้เชื่อสิ่งที่ผมวิพากษ์นะ) และที่สำคัญที่สุดก็คือ จนกว่า iPhone 5 จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แล้วมีเว็บอย่าง iFixIt เอาไปแงะ เราคงยังไม่อาจได้ทราบถึงสเปกหลายๆ อย่างค่ะ (เช่น CPU เร็วแค่ไหน กี่ Core, GPU เป็นอะไร, มี RAM เท่าไหร่ หรือ มีแบตเตอรี่เท่าไหร่ เป็นต้น)
          เอาล่ะ มาดูตารางกันเปรียบเทียบสเปกกันค่ะ …  เอาเท่าที่สำคัญๆ ก็พอนะค่ะ

สเปก
iPhone 4S
iPhone 5
Samsung Galaxy SIII
CPU
A5 Dual-core 1GHz
A6 Dual-core 1.3GHz
(Geekbench อัพเดตซอฟต์แวร์แล้วพบว่าความเร็วของ CPU จริงๆ คือ 1.3GHz ไม่ใช่ 1.02GHz)
Exynos Quad-core 1.4GHz
 GPU
PowerVR SGX543MP2
น่าจะเป็น
3-core PowerVR SGX543MP3
Mali-400MP
 Display
3.5 Retina Display
960×640 พิกเซล (326ppi)
4.0 Retina Display
1136×640  พิกเซล (326ppi)
 4.8 HD Super AMOLED
1280×720 พิกเซล
(306 ppi)
 Multitouch
11 จุด
11 จุด
10 จุด
 RAM
512MB
1GB
1GB
(2GB กรณีขายในสหรัฐ แต่ CPU จะเหลือ Dual-core)
Internal Storage
16GB/32GB/64GB
16GB/32GB/64GB
16GB
(ในไทยไม่มีรุ่น 32GB/64GB ขาย)
 External Storage
 ไม่รองรับ
ไม่รองรับ
MicroSD สูงสุด 64GB
2G
GPRS/EDGE
850/900/1800/1900MHz
CDMA
850/1900MHz
Model A1428
GSM/EDGE
(850/900/1900/2100MHz)
Model A1429 CDMA
CDMA EV-DO Rev. A/Rev B.
(800/900/1900/2100MHz)
GSM/EDGE
(850/900/1800/1900MHz)
Model A1429 GSM
GSM/EDGE
(850/900/1800/1900MHz)
GPRS/EDGE
850/900/1800/1900MHz
 3G
HSPA
850/900/1900/2100MHz
CDMA2000 1xEV-DO
Model A1428
UMTS/HSPA+/DC-HSPA
(850/900/1900/2100MHz)
Model A1429 CDMA
CDMA EV-DO Rev. A/Rev B.
(800/1900/2100MHz)
UMTS/HSPA+/DC-HSPA
(850/900/1900/2100MHz)
Model A1429 GSM
UMTS/HSPA+/DC-HSPA
(850/900/1900/2100MHz)
HSPA
850/900/1900/2100MHz
 4G
ไม่สนับสนุน
Model A1428
LTE (Bands 4 and 17)
Model A1429 CDMA
LTE (Bands 1, 3, 5, 13, 25)
Model A1429 GSM
LTE (Bands 1, 3, 5)
 รองรับ LTE แต่สนับสนุนกันแบบ Regional (คือ ทำออกมาเฉพาะเจาะจงสำหรับภูมิภาคนั้นๆ เลย)
WiFi
802.11b/g/n
802.11a/b/g/n
Dual-band
802.11a/b/g/n
Dual-band
 Bluetooth
 4.0 A2DP
4.0 A2DP
4.0 A2DP
กล้องหน้า
3 แสนพิกเซล
วิดีโอ 480p
 1.2 ล้านพิกเซล
วิดีโอ HD720p
  1.9 ล้านพิกเซล
วิดีโอ HD720p
 กล้องหลัง
8 ล้านพิกเซล iSight
f2.4 aparture
พร้อม Flash
วิดีโอ 1080p 30fps
 8 ล้านพิกเซล iSight
f2.4 aparture
พร้อม Flash
วิดีโอ 1080p 30fps
8 ล้านพิกเซล
f2.6 aparture
พร้อม Flash
วิดีโอ 1080p 30fps
คุณสมบัติกล้อง
Auto Focus
Tap to Focus/Exposure
Backside Illuminator
Face Detection
Panorama (iOS6)
 Auto Focus
Tap to Focus/Exposure
Backside Illuminator
Face Detection
Panorama (iOS6)
 Auto Focus
Tap to Focus
Backside Illuminator
Face/Smile Detection
Panorama
Burst Shot
Face Tagging
Buddy Share
Scene Mode
Shooting Mode
ระบบปฏิบัติการ
 iOS5.1.1
(รออัพเกรดเป็น iOS6)
มาพร้อมกับ iOS6
Android 4.0 ICS
(รออัพเกรดเป็น Android 4.1 Jelly Bean)
สัดส่วน
 115.2 x 58.6 x 9.3 mm
123.8 x 58.6 x 7.6 mm
 136.6 x 70.6 x 8.6 mm
น้ำหนัก
 140 กรัม
112 กรัม
133 กรัม
Voice Command
 Siri
Siri
S Voice
Cloud Storage
iCloud
iCloud
Dropbox
Maps
Apple Maps by TomTom
(รอ iOS6)
 Apple Maps by TomTom
 Google Maps
 SIM Card
Micro SIM
Nano SIM
Micro SIM
Data Cable
30-pin
Lightning 8-pin
Standard Micro USB
Social Media
Twitter Integration
Facebook Integration
(Facebook  ต้องรอ iOS6)
 Twitter Integration
Facebook Integration
ด้วยคุณสมบัติของ Android จึงสามารถแชร์ไปยัง Social Media App ที่ติดตั้งไว้ได้หมด
แบตเตอรี่
1,432mAh
1,434mAh
 2,100mAh
คุยสายต่อเนื่อง
14 ชั่วโมง (2G)
8 ชั่วโมง (3G)
8 ชั่วโมง (2G/3G)
 21 ชั่วโมง 40 นาที (2G)
11 ชั่วโมง 40 นาที (3G)
 สแตนด์บาย
 200 ชั่วโมง
225 ชั่วโมง
590 ชั่วโมง
 ราคา
16GB 19,500 บาท
16GB คาดว่า 22,450 บาท +/-
16GB 21,900 บาท


































































ความเห็นของดิฉัน เกี่ยวกับทั้ง 3 รุ่น

เขียนเปรียบเทียบสเปกกันเฉยๆ โดยไม่วิพากษ์ซะบ้าง เดี๋ยวจะไม่ใช่ดิฉัน ดังนั้น ขอเขียนถึงซักหน่อย และอย่างที่ได้ออกตัวล้อฟรีเอาไว้แล้ว ไม่จำเป็นต้องเชื่อที่ดิฉันจะเขียนทั้งหมดนะค่
  • z นี่ยังคงแรงสุดในบรรดาสามรุ่นอยู่ แต่ว่าคงต้องรอ Android 4.1 Jelly Bean มา จึงจะได้เห็นระบบปฏิบัติการ Android ที่ลื่นปริ๊ดระดับหัวแตกกัน (ผมแอบไปเล่น SIII ของ @papayatop ที่ใช้ ROM นอกที่เป็น Jelly Bean แล้ว ลื่นมากมาย) แต่อย่างไรก็ดี ระบบปฏิบัติการ iOS ก็ยังเนียนกับฮาร์ดแวร์มากกว่า และถ้าคุณจู้จี้จริงๆ ละก็ ผมเชื่อว่าคุณก็ยังจับผิดได้ว่า iPhone 5 น่าจะไหลลื่นกว่า Samsung Galaxy SIII อยู่ดี
  • หน้าจอแสดงผล … ถ้าคุณชอบจอใหญ่ๆ ผมว่า Samsung Galaxy SIII นี่น่าจะตอบโจทย์มากกว่า เพราะทั้งใหญ่ทั้งยาว ในขณะที่ Apple ยังใช้เหตุผลว่า เพื่อให้ใช้มือเดียวได้สะดวก ดังนั้นจึงขอปรับการแสดงผลจาก 3:2 เป็น 16:9 ดังนั้น เลยแค่หน้าจอยาวขึ้น … ในแง่ของความคมชัด ถ้าจ้องจับผิดจริงๆ iPhone 5 ย่อมดูคมชัดกว่า ด้วย Pixel Density 326ppi (เทียบกับ Samsung Galaxy SIII ที่มี 306ppi) … จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้เห็นหน้าจอของจริง จึงไม่ขอเปรียบเทียบว่าอันไหน ดูแล้วแจ่มกว่ากัน
  • การรองรับเครือข่าย … ถ้าคุณใช้แค่ในประเทศไทยอย่างเดียว ทั้งสามรุ่นไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด … อย่าเพิ่งเอาเรื่องของ 4G มาเป็นประเด็น เพราะให้ 3G ความถี่ 2100MHz เกิดในประเทศไทยแบบจริงๆ ก่อนเหอะ และกว่าประเทศไทยจะมี 4G ใช้กันอย่างแพร่หลาย ตอนนั้นคงได้เห็น iPhone 10 กับ Samsung Galaxy S7 ละมั้ง (ประชดนะ อันนี้)
  • WiFi ก็เป็นอีกจุด ที่ไม่อยากให้เอามาเปรียบเทียบมาก … เพราะเดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่ก็ใช้ 802.11n กันหมดแล้ว เพียงแต่รุ่นที่รองรับ Dual-band อาจจะได้เปรียบหน่อย สำหรับบางบ้านที่จงใจซื้อ Wireless Access Point ที่เป็น Dual-band มาใช้ เพราะหากเปลี่ยนไปใช้ความถี่ 5GHz ก็จะมีสัญญาณกวนลดลง ดังนั้น iPhone 5 กับ Samsung Galaxy SIII เลยดูดีกว่า
  • กล้องด้านหน้า ผมไม่คิดว่า iPhone 4S  จะเจ๋งกว่า Samsung Galaxy SIII … ส่วนกล้องหน้าของ iPhone 5 ต้องขอดูของจริงก่อนค่อยว่ากัน
  • กล้องด้านหลัง iPhone 5 ไม่ได้ดีกว่า iPhone 4S เลย ในแง่ของสเปกและลูกเล่น … แต่คุณภาพที่ได้ ผมยังชอบมากกว่า Samsung Galaxy SIII ครับ แต่ถ้าใครเน้นลูกเล่นในการถ่าย โดยไม่ต้องไปหา App มาเพิ่ม Samsung Galaxy SIII มีลูกเล่นเยอะกว่า iPhone เยอะ
  • สัดส่วนของตัวเครื่อง มันแปรผันตามขนาดหน้าจอ ดังนั้นอย่างเอาไปเทียบกันให้มาก … มาดูที่น้ำหนัก มันก็แปรผันไปตามขนาดหน้าจอเช่นกัน ถ้า iPhone 5 มันมีขนาด 4.8 นิ้วมาจริงๆ ผมว่าน้ำหนักเกิน 133 กรัม ของ Samsung Galaxy SIII แน่ๆ (ถ้ายังใช้เทคโนโลยี ณ ปัจจุบันนี้นะ)
  • SIM Card … โดยส่วนตัวผมรำคาญ Nano SIM มาก เพราะผมเป็นพวกต้องเปลี่ยนมือถือไปลองที่เขาให้มารีวิวบ่อยๆ ดังนั้นการสลับซิมได้นี่จำเป็นมาก แต่สำหรับคนทั่วไป ที่ใช้เบอร์เดียว ซิมเดียว มือถือเครื่องเดียว ไม่น่าเป็นประเด็นแต่อย่างใด
  • Data Cable … อันนี้ Apple โดนสวดยับ เพราะเปลี่ยนจาก 30-pin แบบเดิมเป็น 8-pin แถมไม่รองรับ USB 3.0 อีก … อ่ะ! แต่ Samsung Galaxy SIII ก็ไม่ได้รองรับ USB 3.0 นะ … ส่วนเรื่องการเปลี่ยน Connector นั้น ถ้าอยากได้บางและเบา มันคือ Trade-off ที่จำเป็นนะเฟ้ย
  • Cloud Storage … Apple มีเป็นของตัวเองแล้ว เรียก iCloud แต่ว่ามันใช้ได้จำกัดแค่สิ่งที่เป็น Apple เท่านั้นเอง การเอา Dropbox มาใช้ ไม่ได้ช่วยให้สะดวกขึ้น เพราะ Apple ค่อนข้างจำกัดการทำงานอยู่ … ส่วน Samsung Galaxy SIII นั้น ณ ตอนนี้ยังไม่มี แต่เขาก็ซื้อ MSpot ผู้ให้บริการ Cloud Entertainment Service ไว้แล้ว ในอนาคต น่าจะมีอะไรให้เห็นกัน แต่ตอนนี้ ใช้ Dropbox ไปก่อน (ซื้อ SIII แล้ว ได้เนื้อที่เพิ่มฟรีเพียบ)
  • แบตเตอรี่ ยังไม่ได้ลองใช้ iPhone 5 เลยไม่ขอพูดถึง ส่วน Samsung Galaxy SIII กับ iPhone 4S นั้น ลองใช้เทียบกันแล้ว ผมว่า Galaxy SIII แบตเตอรี่อึดกว่าอยู่ 1-2 ชั่วโมง (ในการใช้งานด้วยพฤติกรรมใกล้เคียงกัน) ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะแบตเตอรี่ใหญ่กว่าหลายขุม
  • ราคา … เทียบแล้ว iPhone น่าจะแพงกว่าอยู่เล็กน้อย
  • NFC … เกือบลืมพูดถึงเรื่องนี้ เพราะเห็นพวกฝรั่งบ่นกันเยอะว่าขาดไป … คนไทยอย่าเพิ่งไปโวยวายเหมือนฝรั่งล่ะ … ลองนึกตามก่อนว่า ประเทศไทยตอนนี้ มีบริการอะไรที่ใช้ NFC กันบ้าง?!? ลองนับดู … เจอป่ะ? ถ้าไม่เจอ การมี หรือ ไม่มี NFC นี่แทบจะไม่ได้ส่งผลแตกต่างอะไรเลยนะ … ลูกเล่น S Beam ของ Samsung Galaxy SIII นี่ ก็ต้องใช้เครื่องที่มีคุณสมบัติเดียวกันก่อน (ซึ่งนั่นก็คือ Galaxy SIII นั่นแหละ … Galaxy Note 10.1 ไม่มี NFC เน้อ) ถึงจะใช้ได้ ดังนั้น ก็ยังใช้ประโยชน์ไม่ได้เต็มที่ สำหรับเมืองไทย (แต่สำหรับเมืองนอกก็เป็นอีกประเด็นนะ … เพียงแต่ตอนนี้ผมมองประเทศไทยเป็นหลัก)

ไม่มีความคิดเห็น: