จริงๆ ว่าจะไม่เขียนอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว
แต่ว่าสุดท้ายก็อดไม่ได้ เพราะมีคนถามกันเข้ามาเยอะ
ดังนั้นเลยต้องขอมาเขียนบล็อกซักตอน ที่เอาสเปกของทั้ง 3 รุ่นนี้มาเปรียบเทียบกันซักหน่อย … แต่ขอออกตัวล้อฟรีก่อนนะค่ะว่า อันนี้เป็นแค่การเปรียบเทียบสเปกให้ดูกันเฉยๆ
ส่วนอันไหนดีกว่าอันไหนนั้น แนะนำว่าให้พินิจพิเคราะห์กันเอาเอง
โดยผมจะขอแอบวิพากษ์เล็กๆ น้อยๆ เมื่อเป็นน้ำจิ้ม สำหรับคนที่อ่านสเปกแล้วมึนตึ้บ
(แต่ไม่ได้บอกให้เชื่อสิ่งที่ผมวิพากษ์นะ) และที่สำคัญที่สุดก็คือ จนกว่า iPhone
5 จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แล้วมีเว็บอย่าง iFixIt เอาไปแงะ เราคงยังไม่อาจได้ทราบถึงสเปกหลายๆ อย่างค่ะ (เช่น CPU เร็วแค่ไหน กี่ Core, GPU เป็นอะไร, มี RAM เท่าไหร่ หรือ มีแบตเตอรี่เท่าไหร่ เป็นต้น)
เอาล่ะ มาดูตารางกันเปรียบเทียบสเปกกันค่ะ … เอาเท่าที่สำคัญๆ ก็พอนะค่ะ
สเปก
|
iPhone 4S
|
iPhone 5
|
Samsung Galaxy SIII
|
CPU
|
A5 Dual-core 1GHz
|
A6 Dual-core 1.3GHz
(Geekbench อัพเดตซอฟต์แวร์แล้วพบว่าความเร็วของ
CPU จริงๆ คือ 1.3GHz ไม่ใช่ 1.02GHz)
|
Exynos Quad-core 1.4GHz
|
GPU
|
PowerVR SGX543MP2
|
น่าจะเป็น
3-core PowerVR SGX543MP3
|
Mali-400MP
|
Display
|
3.5″ Retina Display
960×640 พิกเซล (326ppi)
|
4.0″ Retina Display
1136×640 พิกเซล
(326ppi)
|
4.8″ HD Super
AMOLED
1280×720 พิกเซล
(306 ppi)
|
Multitouch
|
11 จุด
|
11 จุด
|
10 จุด
|
RAM
|
512MB
|
1GB
|
1GB
(2GB กรณีขายในสหรัฐ
แต่ CPU จะเหลือ Dual-core)
|
Internal Storage
|
16GB/32GB/64GB
|
16GB/32GB/64GB
|
16GB
(ในไทยไม่มีรุ่น 32GB/64GB
ขาย)
|
External Storage
|
ไม่รองรับ
|
ไม่รองรับ
|
MicroSD สูงสุด 64GB
|
2G
|
GPRS/EDGE
850/900/1800/1900MHz
CDMA
850/1900MHz
|
Model A1428
GSM/EDGE
(850/900/1900/2100MHz)
Model A1429 CDMA
CDMA EV-DO Rev. A/Rev B.
(800/900/1900/2100MHz)
GSM/EDGE
(850/900/1800/1900MHz)
Model A1429 GSM
GSM/EDGE
(850/900/1800/1900MHz)
|
GPRS/EDGE
850/900/1800/1900MHz
|
3G
|
HSPA
850/900/1900/2100MHz
CDMA2000 1xEV-DO
|
Model A1428
UMTS/HSPA+/DC-HSPA
(850/900/1900/2100MHz)
Model A1429 CDMA
CDMA EV-DO Rev. A/Rev B.
(800/1900/2100MHz)
UMTS/HSPA+/DC-HSPA
(850/900/1900/2100MHz)
Model A1429 GSM
UMTS/HSPA+/DC-HSPA
(850/900/1900/2100MHz)
|
HSPA
850/900/1900/2100MHz
|
4G
|
ไม่สนับสนุน
|
Model A1428
LTE (Bands 4 and 17)
Model A1429 CDMA
LTE (Bands 1, 3, 5, 13, 25)
Model A1429 GSM
LTE (Bands 1, 3, 5)
|
รองรับ LTE
แต่สนับสนุนกันแบบ Regional (คือ
ทำออกมาเฉพาะเจาะจงสำหรับภูมิภาคนั้นๆ เลย)
|
WiFi
|
802.11b/g/n
|
802.11a/b/g/n
Dual-band
|
802.11a/b/g/n
Dual-band
|
Bluetooth
|
4.0 A2DP
|
4.0 A2DP
|
4.0 A2DP
|
กล้องหน้า
|
3 แสนพิกเซล
วิดีโอ 480p
|
1.2 ล้านพิกเซล
วิดีโอ HD720p
|
1.9 ล้านพิกเซล
วิดีโอ HD720p
|
กล้องหลัง
|
8 ล้านพิกเซล iSight
f2.4 aparture
พร้อม Flash
วิดีโอ 1080p 30fps
|
8 ล้านพิกเซล iSight
f2.4 aparture
พร้อม Flash
วิดีโอ 1080p 30fps
|
8 ล้านพิกเซล
f2.6 aparture
พร้อม Flash
วิดีโอ 1080p 30fps
|
คุณสมบัติกล้อง
|
Auto Focus
Tap to Focus/Exposure
Backside Illuminator
Face Detection
Panorama (iOS6)
|
Auto Focus
Tap to Focus/Exposure
Backside Illuminator
Face Detection
Panorama (iOS6)
|
Auto Focus
Tap to Focus
Backside Illuminator
Face/Smile Detection
Panorama
Burst Shot
Face Tagging
Buddy Share
Scene Mode
Shooting Mode
|
ระบบปฏิบัติการ
|
iOS5.1.1
(รออัพเกรดเป็น iOS6)
|
มาพร้อมกับ iOS6
|
Android 4.0 ICS
(รออัพเกรดเป็น Android
4.1 Jelly Bean)
|
สัดส่วน
|
115.2 x 58.6 x 9.3 mm
|
123.8 x 58.6 x 7.6 mm
|
136.6 x 70.6 x 8.6 mm
|
น้ำหนัก
|
140 กรัม
|
112 กรัม
|
133 กรัม
|
Voice Command
|
Siri
|
Siri
|
S Voice
|
Cloud Storage
|
iCloud
|
iCloud
|
Dropbox
|
Maps
|
Apple Maps by TomTom
(รอ iOS6)
|
Apple Maps by TomTom
|
Google Maps
|
SIM Card
|
Micro SIM
|
Nano SIM
|
Micro SIM
|
Data Cable
|
30-pin
|
Lightning 8-pin
|
Standard Micro USB
|
Social Media
|
Twitter Integration
Facebook Integration
(Facebook ต้องรอ
iOS6)
|
Twitter Integration
Facebook Integration
|
ด้วยคุณสมบัติของ Android จึงสามารถแชร์ไปยัง
Social Media App ที่ติดตั้งไว้ได้หมด
|
แบตเตอรี่
|
1,432mAh
|
1,434mAh
|
2,100mAh
|
คุยสายต่อเนื่อง
|
14 ชั่วโมง (2G)
8 ชั่วโมง (3G)
|
8 ชั่วโมง (2G/3G)
|
21 ชั่วโมง 40
นาที (2G)
11 ชั่วโมง 40
นาที (3G)
|
สแตนด์บาย
|
200 ชั่วโมง
|
225 ชั่วโมง
|
590 ชั่วโมง
|
ราคา
|
16GB 19,500 บาท
|
16GB คาดว่า 22,450
บาท +/-
|
16GB 21,900 บาท
|
ความเห็นของดิฉัน เกี่ยวกับทั้ง 3 รุ่น
เขียนเปรียบเทียบสเปกกันเฉยๆ โดยไม่วิพากษ์ซะบ้าง
เดี๋ยวจะไม่ใช่ดิฉัน … ดังนั้น ขอเขียนถึงซักหน่อย … และอย่างที่ได้ออกตัวล้อฟรีเอาไว้แล้ว
ไม่จำเป็นต้องเชื่อที่ดิฉันจะเขียนทั้งหมดนะค่ะ
- z นี่ยังคงแรงสุดในบรรดาสามรุ่นอยู่ แต่ว่าคงต้องรอ Android 4.1 Jelly Bean มา จึงจะได้เห็นระบบปฏิบัติการ Android ที่ลื่นปริ๊ดระดับหัวแตกกัน (ผมแอบไปเล่น SIII ของ @papayatop ที่ใช้ ROM นอกที่เป็น Jelly Bean แล้ว ลื่นมากมาย) แต่อย่างไรก็ดี ระบบปฏิบัติการ iOS ก็ยังเนียนกับฮาร์ดแวร์มากกว่า และถ้าคุณจู้จี้จริงๆ ละก็ ผมเชื่อว่าคุณก็ยังจับผิดได้ว่า iPhone 5 น่าจะไหลลื่นกว่า Samsung Galaxy SIII อยู่ดี
- หน้าจอแสดงผล … ถ้าคุณชอบจอใหญ่ๆ ผมว่า Samsung Galaxy SIII นี่น่าจะตอบโจทย์มากกว่า เพราะทั้งใหญ่ทั้งยาว ในขณะที่ Apple ยังใช้เหตุผลว่า เพื่อให้ใช้มือเดียวได้สะดวก ดังนั้นจึงขอปรับการแสดงผลจาก 3:2 เป็น 16:9 ดังนั้น เลยแค่หน้าจอยาวขึ้น … ในแง่ของความคมชัด ถ้าจ้องจับผิดจริงๆ iPhone 5 ย่อมดูคมชัดกว่า ด้วย Pixel Density 326ppi (เทียบกับ Samsung Galaxy SIII ที่มี 306ppi) … จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้เห็นหน้าจอของจริง จึงไม่ขอเปรียบเทียบว่าอันไหน ดูแล้วแจ่มกว่ากัน
- การรองรับเครือข่าย … ถ้าคุณใช้แค่ในประเทศไทยอย่างเดียว ทั้งสามรุ่นไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด … อย่าเพิ่งเอาเรื่องของ 4G มาเป็นประเด็น เพราะให้ 3G ความถี่ 2100MHz เกิดในประเทศไทยแบบจริงๆ ก่อนเหอะ และกว่าประเทศไทยจะมี 4G ใช้กันอย่างแพร่หลาย ตอนนั้นคงได้เห็น iPhone 10 กับ Samsung Galaxy S7 ละมั้ง (ประชดนะ อันนี้)
- WiFi ก็เป็นอีกจุด ที่ไม่อยากให้เอามาเปรียบเทียบมาก … เพราะเดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่ก็ใช้ 802.11n กันหมดแล้ว เพียงแต่รุ่นที่รองรับ Dual-band อาจจะได้เปรียบหน่อย สำหรับบางบ้านที่จงใจซื้อ Wireless Access Point ที่เป็น Dual-band มาใช้ เพราะหากเปลี่ยนไปใช้ความถี่ 5GHz ก็จะมีสัญญาณกวนลดลง ดังนั้น iPhone 5 กับ Samsung Galaxy SIII เลยดูดีกว่า
- กล้องด้านหน้า ผมไม่คิดว่า iPhone 4S จะเจ๋งกว่า Samsung Galaxy SIII … ส่วนกล้องหน้าของ iPhone 5 ต้องขอดูของจริงก่อนค่อยว่ากัน
- กล้องด้านหลัง iPhone 5 ไม่ได้ดีกว่า iPhone 4S เลย ในแง่ของสเปกและลูกเล่น … แต่คุณภาพที่ได้ ผมยังชอบมากกว่า Samsung Galaxy SIII ครับ แต่ถ้าใครเน้นลูกเล่นในการถ่าย โดยไม่ต้องไปหา App มาเพิ่ม Samsung Galaxy SIII มีลูกเล่นเยอะกว่า iPhone เยอะ
- สัดส่วนของตัวเครื่อง มันแปรผันตามขนาดหน้าจอ ดังนั้นอย่างเอาไปเทียบกันให้มาก … มาดูที่น้ำหนัก มันก็แปรผันไปตามขนาดหน้าจอเช่นกัน ถ้า iPhone 5 มันมีขนาด 4.8 นิ้วมาจริงๆ ผมว่าน้ำหนักเกิน 133 กรัม ของ Samsung Galaxy SIII แน่ๆ (ถ้ายังใช้เทคโนโลยี ณ ปัจจุบันนี้นะ)
- SIM Card … โดยส่วนตัวผมรำคาญ Nano SIM มาก เพราะผมเป็นพวกต้องเปลี่ยนมือถือไปลองที่เขาให้มารีวิวบ่อยๆ ดังนั้นการสลับซิมได้นี่จำเป็นมาก แต่สำหรับคนทั่วไป ที่ใช้เบอร์เดียว ซิมเดียว มือถือเครื่องเดียว ไม่น่าเป็นประเด็นแต่อย่างใด
- Data Cable … อันนี้ Apple โดนสวดยับ เพราะเปลี่ยนจาก 30-pin แบบเดิมเป็น 8-pin แถมไม่รองรับ USB 3.0 อีก … อ่ะ! แต่ Samsung Galaxy SIII ก็ไม่ได้รองรับ USB 3.0 นะ … ส่วนเรื่องการเปลี่ยน Connector นั้น ถ้าอยากได้บางและเบา มันคือ Trade-off ที่จำเป็นนะเฟ้ย
- Cloud Storage … Apple มีเป็นของตัวเองแล้ว เรียก iCloud แต่ว่ามันใช้ได้จำกัดแค่สิ่งที่เป็น Apple เท่านั้นเอง การเอา Dropbox มาใช้ ไม่ได้ช่วยให้สะดวกขึ้น เพราะ Apple ค่อนข้างจำกัดการทำงานอยู่ … ส่วน Samsung Galaxy SIII นั้น ณ ตอนนี้ยังไม่มี แต่เขาก็ซื้อ MSpot ผู้ให้บริการ Cloud Entertainment Service ไว้แล้ว ในอนาคต น่าจะมีอะไรให้เห็นกัน แต่ตอนนี้ ใช้ Dropbox ไปก่อน (ซื้อ SIII แล้ว ได้เนื้อที่เพิ่มฟรีเพียบ)
- แบตเตอรี่ ยังไม่ได้ลองใช้ iPhone 5 เลยไม่ขอพูดถึง ส่วน Samsung Galaxy SIII กับ iPhone 4S นั้น ลองใช้เทียบกันแล้ว ผมว่า Galaxy SIII แบตเตอรี่อึดกว่าอยู่ 1-2 ชั่วโมง (ในการใช้งานด้วยพฤติกรรมใกล้เคียงกัน) ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะแบตเตอรี่ใหญ่กว่าหลายขุม
- ราคา … เทียบแล้ว iPhone น่าจะแพงกว่าอยู่เล็กน้อย
- NFC … เกือบลืมพูดถึงเรื่องนี้ เพราะเห็นพวกฝรั่งบ่นกันเยอะว่าขาดไป … คนไทยอย่าเพิ่งไปโวยวายเหมือนฝรั่งล่ะ … ลองนึกตามก่อนว่า ประเทศไทยตอนนี้ มีบริการอะไรที่ใช้ NFC กันบ้าง?!? ลองนับดู … เจอป่ะ? ถ้าไม่เจอ การมี หรือ ไม่มี NFC นี่แทบจะไม่ได้ส่งผลแตกต่างอะไรเลยนะ … ลูกเล่น S Beam ของ Samsung Galaxy SIII นี่ ก็ต้องใช้เครื่องที่มีคุณสมบัติเดียวกันก่อน (ซึ่งนั่นก็คือ Galaxy SIII นั่นแหละ … Galaxy Note 10.1 ไม่มี NFC เน้อ) ถึงจะใช้ได้ ดังนั้น ก็ยังใช้ประโยชน์ไม่ได้เต็มที่ สำหรับเมืองไทย (แต่สำหรับเมืองนอกก็เป็นอีกประเด็นนะ … เพียงแต่ตอนนี้ผมมองประเทศไทยเป็นหลัก)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น